ไวน์แดง - Chateau Larcis Ducasse

Chateau Larcis Ducasse ไวน์แดงฝรั่งเศส หอมหวานผลไม้ ได้ Wine Score 90+ 

สำหรับนักดื่มที่กำลังมองหาไวน์แดงที่มีรสชาติ รสสัมผัส และกลิ่นที่มีความหอมหวานผลไม้ชัดเจน และมีความเข้มข้น แต่ยังคงความดื่มง่าย ต้องห้ามพลาดที่จะลิ้มลอง “Chateau Larcis Ducasse” ไวน์แดงจากแบรนด์ดังของประเทศฝรั่งเศส ที่ถือว่าเป็นแบรนด์ตัวท็อป และเป็นรุ่นไวน์ตัวท็อปที่สายดื่มตัวจริงต้องหามาลิ้มลองให้ได้สักครั้ง ด้วยความที่มีรสชาติ รสสัมผัส และกลิ่นที่มีความพรีเมียมตั้งแต่หยดแรกจนหยดสุดท้ายที่นักดื่มคนไหนได้สัมผัสก็จะต้องประทับใจอย่างแน่นอน การันตีด้วย Wine Score มากกว่า 90+ จากนักวิจารณ์ไวน์ชื่อดัง และที่สำคัญ คือ มีราคาที่สามารถเข้าถึงได้ง่าย จึงเป็นเหตุผลที่ทำให้ Chateau Larcis Ducasse เป็นที่นิยมของนักดื่มมาอย่างยาวนาน ดังนั้น ในบทความนี้จึงจะพานักดื่มไปทำความรู้จักกับ Chateau Larcis Ducasse ว่ามีรสชาติ รสสัมผัส และกลิ่นเป็นอย่างไร ทำไม Chateau Larcis Ducasse ถึงมีความพรีเมียมที่ถูกใจ และเป็นที่นิยมของนักดื่ม พร้อมแนะนำเทคนิคในการดื่ม Chateau Larcis Ducasse ที่จะช่วยเพิ่มความพรีเมียม แนะนำไวน์แดงรุ่นอื่นๆ ของ Chateau ที่ห้ามพลาด และแนะนำแหล่งจำหน่าย Chateau Larcis Ducasse ราคาดีที่สุดในตลาด ที่มีบริการต่างๆ ที่สามารถตอบโจทย์นักดื่มได้อย่างครบครัน

1. แนะนำ Chateau Larcis Ducasse ไวน์แดงตัวท็อปจาก Chateau เป็นที่นิยมของนักดื่มทั่วโลก


2. รสชาติ รสสัมผัส และกลิ่นของ Chateau Larcis Ducasse ที่ทำให้นักดื่มติดใจจนต้องซื้อติดบ้านไว้

สำหรับ Chateau Larcis Ducasse ผลิตมาจากองุ่นทั้งหมด 3 สายพันธุ์ ได้แก่ สายพันธุ์ Cabernet Sauvignon, สายพันธุ์ Cabernet Franc และสายพันธุ์ Merlot ที่ผ่านกระบวนการหมักบ่มมาอย่างพิถีพิถัน ตั้งแต่การเพาะปลูกองุ่น การเก็บเกี่ยว และการหมักบ่มที่ผ่านการหมักบ่มเป็นระยะเวลา 16-18 เดือน ที่หมักบ่มในถังโอ๊คใหม่ประมาณ 70% และหมักบ่มในถังโอ๊คเก่า 1 ปี ประมาณ 30% จนได้ Chateau Larcis Ducasse ที่มีสีแดงสวยงาม มีระดับปริมาณแอลกอฮอล์ประมาณ 14.5% มีรสชาติ รสสัมผัส และกลิ่นที่มีความหอมหวานขององุ่นอย่างชัดเจน ผสมผสานเข้ากันกับความหอมของผลไม้ตระกูลเบอร์รีอย่างแบล็คเชอร์รี และแบล็คเบอร์รี ตามมาด้วยความหอมละมุนจากดอกไม้นานาชนิด และจะได้ความหอมของกุหลาบ และไวโอเล็ตอย่างชัดเจน ปิดท้ายด้วยเครื่องเทศชนิดต่างๆ มีรสสัมผัสแบบ Medium Body มีความเข้มข้นของแทนนิน และ Acidity ปานกลาง ที่จะทิ้งท้ายความหอมหวานของของผลไม้ และความสดชื่นทิ้งไว้ภายในปากอย่างยาวนาน และด้วยความพรีเมียมของ Chateau Larcis Ducasse จึงได้รับคะแนนไวน์จากนักชิมไวน์ที่มีชื่อเสียงโด่งดัง ดังนี้

Robert Parker (Wine Advocate) ได้รับคะแนนไวน์มากถึง 95 คะแนน
Jame Suckling ได้รับคะแนนไวน์มากถึง 96 คะแนน
Wine Spectator ได้รับคะแนนไวน์มากถึง 96 คะแนน
Wine Enthusiast ได้รับคะแนนไวน์มากถึง 96 คะแนน

 

3. Chateau Larcis Ducasse ควรดื่มยังไง? ถึงจะสัมผัสความพรีเมียมของ Texture ต่างๆ ได้อย่างคุ้มค่า
ถึงแม้ว่า Chateau Larcis Ducasse จะเป็นไวน์แดงที่มีรสชาติ รสสัมผัส และกลิ่นที่มีความหอมหวานผลไม้ เข้มข้น ดื่มง่าย ที่ไม่ว่านักดื่มจะดื่มแบบไหนก็สามารถสัมผัสได้ถึงความพรีเมียมได้ตั้งแต่หยดแรกจนหยดสุดท้าย แต่ว่าก็ยังมีวิธีในการดื่ม Chateau Larcis Ducasse ที่จะช่วยให้นักดื่มสามารถสัมผัสถึง Texture ต่างๆ ได้อย่างพรีเมียมมากขึ้น และคุ้มค่าคุ้มราคามากขึ้น ด้วยการดื่ม Chateau Larcis Ducasse คู่กับอาหารที่มีส่วนประกอบหลักเป็นเนื้อแกะ หรือเนื้อวัว ที่ผ่านการปรุงสุกด้วยการย่าง หรือการตุ๋น เช่น เสต็กเนื้อวัว ซี่โครงแกะย่างบาร์บีคิว หรือสตูว์เนื้อ เป็นต้น หรือถ้าหากนักดื่มคนไหนไม่รับประทานเนื้อ ก็สามารถดื่ม Chateau Larcis Ducasse คู่กับ Cured Meat หรือเนื้อสัตว์แปรรูปได้เช่นกัน เช่น เบคอน แฮม หรือไส้กรอก เป็นต้น รวมถึงเมนูอาหารที่มีส่วนประกอบของชีสเนื้อนุ่ม หรือ Soft Cheese เพราะว่าอาหารที่กล่าวมาข้างต้นนั้นสามารถช่วยเสริมให้ Chateau Larcis Ducasse  มีรสชาติที่มีความหอมหวานมากยิ่งขึ้น มีรสสัมผัสที่มีความเนียนนุ่ม ละมุน และมีกลิ่นที่มีความหอมอย่างชัดเจนมากขึ้น และยังสสามารถช่วยเพิ่มความอร่อยกลมกล่อมให้กับอาหารที่นำมารับประทานคู่กับ Chateau Larcis Ducasse อีกด้วย ดังนั้น ถ้าหากนักดื่มคนไหนที่มี Chateau Larcis Ducasse  ติดไว้ที่บ้าน ต้องห้ามพลาดที่จะหยิบออกมาลิ้มลองความพรีเมียมด้วยเทคนิคที่นำมาฝากในหัวข้อนี้

4. นอกจาก Chateau Larcis Ducasse ยังมีไวน์แดงจาก Chateau รุ่นไหนที่มีจำหน่ายที่นักดื่มต้องห้ามพลาดอีกบ้าง? 
นอกจาก Chateau Larcis Ducasse ก็ยังมีไวน์แดงรุ่นอื่นๆ จากแบรนด์ Chateau ที่นักดื่มต้องห้ามพลาด ได้แก่ Chateau Lafleur, Chateau Lascombes และ Chateau Pontet Canet โดยในแต่ละรุ่นนั้นมีรสชาติ รสสัมผัส กลิ่น และรายละเอียดต่างๆ ดังนี้

Chateau Lafleur เป็นไวน์แดงที่ผลิตมาจากองุ่น 2 สายพันธุ์ ได้แก่ สายพันธุ์ Cabernet Franc และสายพันธุ์ Merlot ผ่านการเก็บเกี่ยว และหมักบ่มมาอย่างพิถีพิถัน มีสีแดงเข้มคล้ายกับสีทับทิม มีรสชาติ รสสัมผัส และกลิ่นที่มีความหอมหวานขององุ่นอย่างชัดเจน ผสมผสานเข้ากันกับความหอมหวานของผลไม้สีดำ และผลไม้สีแดงอย่างพลัม และเชอร์รี ตามมาด้วยรสชาติของช็อคโกแลต มีความหอมละมุนจากราสป์เบอร์รี สตรอเบอร์รี ดอกไวโอเล็ต และช็อคโกแลตมิ้นท์เข้ามาด้วย และปิดท้ายด้วยเครื่องเทศต่างๆ มีรสสัมผัสแบบ Full Body รวมถึงมี Acidity และแทนนินที่ค่อนข้างสูง


Chateau Lascombes เป็นไวน์แดงที่ผลิตมาจากองุ่น 3 สายพันธุ์ ได้แก่ สายพันธุ์ Cabernet Sauvignon, สายพันธุ์ Merlot และสายพันธุ์ Petit Verdot ผ่านการเก็บเกี่ยวมาเป็นอย่างดี และผ่านการหมักบ่มในถังโอ๊คฝรั่งเศสยาวนานถึง 18 เดือน มีสีแดงเข้มเกือบดำ และประกายสีม่วงสดใส มีรสชาติ รสสัมผัส และกลิ่นผลไม้สีดำ และผลไม้สีแดงอย่างแบล็คเบอร์รี แบล็คเคอแรนท์ ราสป์เบอร์รี และเชอร์รี เป็นต้น ตามมาด้วยความหอมละมุนของดอกไม้นานาชนิด และกาแฟอ่อนๆ ปิดท้ายด้วยความหอมฉุนเข้มข้นกำลังดีจากเครื่องเทศต่างๆ และยาสูบ มีรสสัมผัส Full Body มีแทนนินค่อนข้างสูง และมี Acidity ปานกลาง


Chateau Mouton Rothschild  เป็นไวน์แดงที่ผลิตมาจากองุ่น 3 สายพันธุ์ ได้แก่ สายพันธุ์ Cabernet Sauvignon, สายพันธุ์ Merlot และสายพันธุ์ Petit Verdot ผ่านการเก็บเกี่ยวมาในช่วงเวลา และฤดูกาลที่เหมาะสม และหมักล่มในถังโอ๊คฝรั่งเศสใหม่ 100% เป็นระยะเวลา 19 เดือน มีสีแดงเข้มจนเกือบดำ มีรสชาติ รสสัมผัส และกลิ่นมีความหอมหวานจากผลไม้สีดำอย่างแบล็คเคอแรนท์ แบล็คเชอร์รี แบล็คเบอร์รี บลูเบอร์รี และพลัม และผลไม้สีแดงอย่างราสป์เบอร์รี และเชอร์รี ตามมาด้วยความหอมละมุนจากเหล่าดอกไม้อย่างดอกไวโอเล็ต และกุหลาบแห้ง ผสมผสานคาราเมล และวานิลลา ปิดท้ายด้วยเครื่องเทศ และสมุนไพรต่างๆ อย่างยี่หร่า จันทน์เทศ อบเชย ไม้จันทน์ โอ๊ค และใบยาสูบ มีแทนนินที่ค่อนข้างหนักแน่น Full Body และมี Acidity ที่มีความสดชื่น